หนังออนไลน์ ที่ทำให้เรานึกถึงผู้สูงอายุมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันโลกกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยได้มีการกล่าวว่า “ในเวลาอีกไปกี่สิบปี…ประชากรของผู้สูงอายุจะกลายเป็นประชากรส่วนใหญ่ของโลก” ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่นานาชาติต่างเพ่งความสนใจ
สังคมผู้สูงอายุ หรือ Aging Society หมายถึง สังคมที่มีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 7 ของจำนวนประชากรทั้งหมด โดยมีการคาดว่าโลกของเราจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ในอีก 35 ปีข้างหน้า ซึ่งในตอนนั้นจะมีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 14 ของประชากรโลกทั้งหมด
นี่เป็นความท้าทายที่ทุกประเทศกำลังเผชิญ สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว จะมีแนวโน้มที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเร็วกว่าประเทศที่กำลังพัฒนาอื่น ๆ โดยประเทศในแถบยุโรปส่วนใหญ่ได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว และตามมาด้วยประเทศในแถมเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ รวมถึงไทย
ในขณะที่ระบบเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมผลักดันให้โลกเจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ความเจริญรุ่งเรืองผลักให้คนหนุ่มสาวย้ายถิ่นฐานเข้าสู่การเป็นแรงงานในระบบอุตสาหกรรม และด้วยภาระหน้าที่การงาน ทำให้หลาย ๆ ครอบครัวจำเป็นต้องละทิ้งผู้สูงอายุเอาไว้ข้างหลัง เนื่องจากตนเองต้องย้ายเข้ามาทำงานในเมือง
ในภาวการณ์เช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้ผมนึกถึง หนังออนไลน์ เรื่องหนึ่งที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผู้สูงอายุเอาไว้ได้อย่างหน้าประทับใจ นั้นก็คือเรื่อง “The way home คุณยายผม ดีที่สุดในโลก”
หนังออนไลน์ ที่ทำให้ผมร้องไห้
หนังออนไลน์ เรื่อง The way home หรือในชื่อภาษาไทยว่า “คุณยายผม ดีที่สุดในโลก” เป็น หนังใหม่ เกาหลีที่มีตัวละควรเพียงไม่กี่ตัว โดยมีตัวละครหลักคือเด็กและหญิงชราผู้เป็นใบ้ และด้วยตัวละครเพียงเท่านี้ ประกอบกับการดำเนินเรื่องโดยมีภาพเบื้องหลังคือทิวทัศน์ของชนบท มันกลับสร้างการรับรู้ที่ลึกซึ้งและตราตรึงใจให้กับผู้ที่ได้รับชม
“ผมเชื่อได้แน่ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้โน้มน้าวหัวใจของผู้ชมหลายคนให้หวนกลับไปนึกถึงผู้สูงอายุที่อยู่ในความทรงจำวัยเด็กของเรา เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้จบลง ผมเหมือนดูมนต์สะกดให้อยู่ในภาวะนิ่งงัน ผมร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็กอายุไม่กี่ขวบ เพราะ หนังออนไลน์ เรื่องนี้ทำให้ผมคิดถึงยายของตัวเอง ซึ่งเป็นความทรงจำที่ผูกพันในวัยเด็กของผมเป็นอย่างมาก”
เรื่องย่อ

เรื่องราว ดูหนังฟรี เริ่มต้นจาก แม่ได้พา ซังวู เด็กชายอายุ 7 ขวบ จากเมืองหลวงมาอยู่กับยายในชนบท ยายของซังวูเป็นใบ้ ด้วยพื้นฐานที่ซังวูเป็นเด็กที่แสนจะแสบซนจนถึงทรวง บวกกับการที่เขาไม่ชอบบ้านนอก และไม่ชอบยายที่เป็นคนใบ้ ในแต่ละคืนวันที่เขาต้องอยู่กับยายที่นี้เพียงลำพังจึงผ่านไปอย่างคนแปลกหน้า เพราะซังวูไม่เคยสนใจยายเลย วัน ๆ เขาเอาแต่เล่นของเล่น และเกมส์กด เขากินแต่อาหารกระป๋อง เมื่อแบตเตอรี่เกมส์กดหมด ยายไม่มีเงินซื้อแบตเตอรี่ก้อนใหม่ให้ ซังวูจึงขโมยปิ่นปักผมของยายแล้ววิ่งหนีไปที่ร้านขายของ แต่ที่นั่นไม่มีแบตเตอรี่ขาย อยู่ต่อมาวันหนึ่งเขาอยากกินไก่เคเอฟซี แต่ยายหาไก่มาให้ได้เพียงไก่ต้มธรรมดาเท่านั้น ซังวูโวยวายร้องไห้ชักดิ้นชักงอ แต่สุดท้ายเขาก็กินมันด้วยความหิว
ต่อมายายล้มป่วยลง ซังวูจึงต้องคอยดูแลใกล้ชิด และคืนปิ่นปักผมให้กับยาย เสมือนเป็นการขอโทษในสิ่งที่ทำอยู่ เมื่อยายหายดี ด้วยเงินเพียงเล็กน้อยที่ยายขายผักได้ ยายจึงซื้อรองเท้าผ้าใบคู่ใหม่ให้ซังวู แล้วพาไปทานอาหารที่ภัตตาคาร แต่ยายกินเพียงของกินเล่นและชาเขียว
ตอนกลับบ้านยายส่งท๊อฟฟี่ให้ซังวู และส่งซังวูขึ้นรถเมล์กลับบ้าน เมื่อรถเมล์ไปจอดที่ป้าย ซังวูยืนงง ๆ คอยยายที่ป้ายรถเมล์อยู่พักใหญ่ จนในที่สุดยายก็เดินตามมาพร้อมกับถือของพะรุงพะรังและเนื้อตัวที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ นั่นก็เป็นเพราะยายไม่มีเงินพอจ่ายค่ารถเมล์สำหรับสองคน
เมื่อใกล้จะถึงเวลาที่ซังวูต้องกลับบ้านไปอยู่กับแม่ในเมือง เขาได้แพ็คของเล่นใส่รถลาก ส่วนยายก็ช่วยเอากระดาษห่อเครื่องเล่นเกมส์ของซังวูให้เรียบร้อย จากนั้นเขาก็ดึงรถลากไปตามทางที่ขรุขระแต่พลาดจนหกล้ม ในขณะที่หาอะไรมาเช็ดหัวเข่า เขาก็เจอกับสิ่งที่หุ้มบนเกมส์เครื่องที่ยายห่อไว้ มันคือเงิน จำนวน 1,000 วอนพับครึ่ง ซึ่งเงินจำนวนนี้เพียงพอสำหรับจ่ายค่าแบตเตอรี่ ซังวูร้องไห้แล้ววิ่งไปหายาย
คืนนั้นซังวูพยายามสอนยายที่ไม่เคยรู้หนังสือ ให้เขียนจดหมายถึงเขา แต่ยายก็ไม่สามารถเขียนได้ เขาบอกกับยายทั้งน้ำตาว่า ถ้ายายป่วย แค่ส่งโปสการ์ดเปล่า ๆ ให้เขาก็พอ เขาจะได้รู้และเขาจะมาหายาย
ในเช้าวันรุ่งขึ้นที่ยายหลานต้องจากกัน ซังวูส่งของบางอย่างให้กับยาย และรีบวิ่งขึ้นรถ สิ่งที่ซังวูส่งให้ยายมันคือโปสการ์ด 5 ใบ ซึ่งยายถือมันไว้ในมือ โดยโปสการ์ดทั้งหมดเขียนชื่อและที่อยู่ของซังวู และในช่องผู้ส่งเขียนว่า “จากยาย” เขาวาดภาพ “ยายที่กำลังป่วย”
มันคือตอนท้ายสุดของเรื่องราวยายหลาน การจากกันไปอยู่ในที่ทางของตัวเอง ระหว่างเมืองและชนบท พวกเขาถูกแยกจากกันด้วยเหตุผลบางอย่าง ซึ่งเด็กอย่างเขาคงเกินกว่าจะเข้าใจได้ แต่การที่เขามีโอกาสได้มาใช้ชีวิตในชนบท และสายใยความผูกพันของยายหลาน คงจะเป็นประสบการณ์ล้ำค่า ซึ่งมันจะยังคงอยู่กับซังวูตลอดไป
หนังดราม่าเรียกน้ำตา
The Way Home เป็น หนังออนไลน์ ดราม่าเรียกน้ำตา เราจะได้เรียนรู้ความหมายของชีวิตและมิตรภาพที่บริสุทธิ์ของคนสองวัย นอกจากนี้ยังมีการแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาในการใช้ชีวิต ซึ่งเป็นภาพสะท้อนความแตกต่างของวิธีคิด ระหว่าง “วัฒนธรรมชนบท” กับ “วัฒนธรรมเมือง”
เราจะได้ ดูหนังออนไลน์ เห็นความผูกพันระหว่างหลานกับยาย แม้การเล่าเรื่องจะเป็นการถ่ายทอดอย่างเรียบง่ายและแสนจะธรรมดา แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะสื่ออารมณ์มาถึงผู้ชมได้อย่างเต็มเปี่ยม ผู้กำกับสามารถจัดวางเนื้อเรื่องได้อย่างพอดิบพอดี และควบคุมจังหวะการสร้างอารมณ์ร่วมให้เกิดขึ้นทีละน้อย ทั้งยังสอดแทรกมุขตลกเป็นระยะแม้แต่ในฉากที่น่าสะเทือนใจ เรื่องราวจึงดูสมจริง โดยเราจะพบว่าการกระทำเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตัวละควรกลับสร้างความสะเทือนอารมณ์ให้กับผู้ชมได้อย่างท่วมท้น
คงเป็นเพราะว่าเรื่อราวของยายหลายคู่นี้ อาจจะตรงกับสภาพความเป็นจริงของสังคมที่เราได้เห็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มีเด็กจำนวนมากที่เกิดและเติบโตเมือง ในขณะที่พ่อแม่ของเขาคือคนต่างถิ่นที่เข้ามาอาศัยและทำงาน ณ ที่แห่งนี้ ซึ่งในที่สุดเด็กเหล่านี้ที่เกิดใหม่จะกลายเป็นคนเมือง และทอดทิ้งชนบทเอาไว้อย่างโดดเดี่ยว สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดเฉพาะในสังคมเกาหลีเท่านั้น แต่ในสังคมไทยของเรา ก็เกิดเรื่องราวเหล่านี้ไม่แตกต่างกัน
อย่างที่ผมได้กล่าวเอาไว้ในข้างต้นว่า เรากำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ แต่ทว่ามีผู้สูงอายุอีกมากหมายถูกปล่อยไว้อย่างโดดเดียว มันคงเป็นคำถามที่ยากจะตอบ เพราะเราจะทำอะไรได้เล่า ก็โครงสร้างของปัญหาในสังคมมันใหญ่เกินกว่าที่เราจะแก้ไขได้ แต่สิ่งที่เราเราทำได้ก็เห็นจะเป็นจุดเล็ก ๆ ที่เราอยู่นี่เอง รอบข้างคุณมีผู้สูงอายุถูกทอดทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดียวหรือเปล่า?
ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในใจของผม เพราะก่อนที่ผมจะได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่หลงลืมยายของผมเอาไว้เบื้องหลัง เพราะเมื่อผมเติบโตขึ้น ด้วยภาระหน้าที่การงาน ผมแทบไม่มีเวลาได้ใส่ใจดูแลคนใกล้ตัว แต่ทว่าหลังจากที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว ก็ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เราได้หลงลืมผู้หญิงชราคนหนึ่งไป หญิงชราที่เรากอดตอนเด็ก ๆ หญิงชราที่ความรักของเธอช่างยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์
ในภาพยนตร์เรื่อง The way home ในตอนจบถูกปิดท้ายด้วยประโยคที่ว่า “ภาพยนตร์เรื่องนี้ อุทิศแด่ผู้เป็นยายทุกคน”
แต่สำหรับตัวผมเอง…ผมจะของจบงานเขียนชิ้นนี้ด้วยประโยคที่ว่า “บทความชิ้นนี้ ขออุทิศแด่ยาย และผู้สูงอายุทุกคน”
ในฐานะที่เราเป็นคนรุ่นใหม่ จงอย่าได้หลงลืมคนรุ่นเก่า อย่าได้ดูถูกดูแคลนคนรุ่นเก่า ไม่ใช่เพราะคนเหล่านี้หรือ? เราจึงได้เติบโตขึ้นมาเป็นเราในวันนี้
จบไปแล้วกับการรีวิว หนังออนไลน์ The way home อย่าลืมติดตาม การรีวิวหนัง และ ดูหนังดราม่าใหม่ ๆ ได้ที่ ” moviethai “